วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

ดนตรีในหัวใจ

ด้วยเรื่องของตัวโน๊ต
ดนตรีเป็นศิลปะที่มวลมนุษย์ยกย่องว่า เป็นยอดแห่งศิลปะทั้งหลาย ศิลปะนี้ใช้เสียงดนตรีหรือเสียงขับร้อง เป็นสื่อทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเกิดความรู้สึกสะเทือนใจ หรือเกิดอารมณ์ที่สอดคล้องเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงนั้น ๆ
          ถ้าจะกล่าวถึงเครื่องดนตรีที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า เครื่องตี จะต้องเกิดขึ้นก่อน เช่น การตบมือ การเคาะเกราะ โกร่ง หรือกระทุ้งกระบอก ต่อมาก็จะเกิดเครื่องเป่า ที่เริ่มจากการผิวปาก เป็นต้น แล้วจะแยกออกไปเป็น เป่าหลอดไม้ เป่าเขา เป่าสังข์ เป่าแตร เป่าขลุ่ย รวมไปจนถึงเป่าใบไม้และเป่าแคน เป็นต้น ส่วนเครื่องดีด แรกทีเดียวจะพบชาวป่าชาวเขา ใช้ไม้กระบอกกรีดผิวนอกออก แล้วเอาไม้ซีกเล็ก ๆ หนุนสายให้ตึง ดีดเป็นเสียงคล้ายจะเข้ เรียกว่า จะเข้ป่า ในพระราชนิพนธ์เรื่องเงาะป่า ทรงบรรยายถึงเครื่องดนตรีของพวกเงาะป่าว่า "จะเข้สองสายทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก" มีเครื่องดีดที่เกิดขึ้นอีกหลายชนิด เช่น พิณน้ำเต้า กระจับปี่ ซึง เจ็งของจีนและฮาร์ปของฝรั่ง นับเป็นเครื่องดีดทั้งสิ้น จากเครื่องดีดเหล่านี้ ต่อมาก็จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเครื่องสีอีกชั้นหนึ่ง
          จะพบว่า เครื่องดนตรีทุกชนิด ทั้ง ดีด สี ตี เป่า นั้น ย่อมมีเสียงสูงต่ำต่างกันหลาย ๆ เสียง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงต่างกัน ตามหลักของดุริยางคศาสตร์ ถือว่า เสียงดนตรีมีเสียงเรียงเป็นลำดับต่างกันอยู่ ๗ เสียงเท่านั้น ส่วนเสียงที่เกิน ๗ ออกไปนั้น ก็เป็นเสียงซึ่งซ้ำกับเสียงภายใน ๗ เสียงนั่นเอง แต่มีระดับสูงหรือต่างกันเป็นช่องคู่ ๘ คู่ ๑๕ คู่ ๒๒ ฯลฯ หากฟังดูให้ดีก็จะเป็นเสียงที่ซ้ำกันนั่นเอง





ท่านสุนทรภู่ กล่าวสดุดีดนตรีไว้ในเรื่องพระอภัยมณี ว่าดังนี้








                                  ถึงมนุษย์ครุฑาเทวาราช                            จัตุบาทกลางป่าพนาสิน
                                 แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน                             ก็สุดสิ้นโมโหที่โกรธา
                                ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ                            อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
                                ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์                          จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น